วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

Mercy killing: ปลายทางสุดท้ายแด่สุนัขจรจัด





                เมื่อเอ่ยถึง "สุนัขจรจัด" หลายคนคงนึกภาพหมาผอมโซ เนื้อตัวเหม็นสกปรก ชอบคุ้ยขยะหาอาหาร นั่งๆนอนๆอยู่ตามตรอกซอกซอย ตามชุมชนต่างๆ บางคนใช้วิธีเดินห่างๆไม่เฉียดเข้าใกล้เพราะกลัวอันตราย

                ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสุนัขจรจัดก็คือสุนัขบ้านที่เลี้ยงไว้ ซึ่งอาจหลุดออกจากบ้านแล้วกลับไม่ถูก หรือเจ้าของจงใจนำมาปล่อยทิ้งทั้งที่ไม่ได้ทำหมัน จึงมีแพร่ประชากรหมาที่ไม่มีใครดูแล






                นอกจากนี้ คนไทยยังมีทัศนคติผิดๆ ที่ปลูกฝังกันมาในกลุ่มคนเลี้ยงสุนัข คือ 'คิดอะไรไม่ออกก็เอามาปล่อยวัด' ส่งผลให้พระต้องแบกรับภาระเลี้ยงสุนัขที่ถูกทอดทิ้งนับร้อยตัว เห่าหอนโหวกเหวก ขับถ่ายเรี่ยราดจนทำให้บรรยากาศที่ควรสงบร่มเย็นกลายเป็นโกลาหลวุ่นวาย

                กรมปศุสัตว์ได้จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการจัดทำ "แผนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดอย่างยั่งยืน ปี 2559–2563" เพื่อวางแนวทางการจัดระเบียบปัญหาสุนัขจรจัดในเมืองไทย







                โดยให้เหตุผลว่า การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า หรือทำหมัน เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งต้นเหตุจริงๆ อยู่ที่ผู้เลี้ยงที่ไม่มีจิตสำนึกความรับผิดชอบ จึงควรมีการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ฝังไมโครชิพ ให้ผู้เลี้ยงเสียภาษี และออกกฎหมายควบคุม เพื่อไม่ให้ผู้เลี้ยงปล่อยปะละเลย

                นายกสมาคมพิทักษ์สัตว์ ให้ความเห็นว่า ภาครัฐต้องทำงานร่วมกับชุมชนในการนำสุนัขเลี้ยง หรือแม้แต่ไล่จับสุนัขจรจัดมาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต้องควบคุมประชากรด้วย บางประเทศเขาใช้วิธีการุณยฆาต หากไม่มีคนมารับไปเลี้ยงเกินเวลาที่กำหนดจะฉีดยาให้ตาย ถือเป็นการกระตุ้นสังคมด้วยว่าถ้าไม่อยากให้หมาตายก็มาเอาไปเลี้ยง






                การุณยฆาต หรือ ปรานีฆาต ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Euthanasia หรือ mercy killing คำว่า Euthanasia เป็นภาษากรีก (Greek) มาจากคำว่า “eu” แปลว่า ดีงาม (good)  และคำว่า “thanatos”  ซึ่งแปลว่า ตาย (death) 

                การทำเมตตาฆาต จึงเป็นการกระทำหรืองดเว้นการกระทำเพื่อจบชีวิตของสัตว์ โดยให้สัตว์หมดความรู้สึกอย่างรวดเร็วและตายโดยปราศจากความเจ็บปวดและทรมาน  เช่น การสูดดมยา หรือใช้การฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย ฯลฯ







                ทั้งนี้การทำเมตตาฆาตเกิดได้จากหลายสาเหตุ

1. ป่วยด้วยโรคที่ไม่มีหนทางเยียวยาและต้องได้รับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

2. ป่วยด้วยโรคติดต่อสู่คนที่เป็นอันตรายร้ายแรงสามารถทำให้คนเสียชีวิตได้ 

3. ป่วยด้วยโรคเรื้อรังต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลรักษายาวนาน

4. ป่วยด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง 

5. เป็นสุนัขที่มีปัญหาพฤติกรรม เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์อื่นๆ 

6. เป็นลูกสุนัขที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางร่างกาย 

7. เป็นสุนัขแก่ที่มีความทุกข์ทรมานจากสภาพร่างกายที่ตัวเองเป็นอยู่ 

8. เป็นสุนัขจรจัด ไม่มีเจ้าของ 

9. เป็นสุนัขที่ใช้ในการทดลอง

                ประเทศที่มีการออกกฎหมายการุณยฆาตแต่ละประเทศนั้นมีกำหนดเวลาและวิธีการทำการุณยฆาตที่ต่างกันออกไป เช่น ประเทศญี่ปุ่นให้เวลา 7 วันหลังจากการจับสุนัขมาได้ ประเทศโรมาเนียให้เวลา 14 วัน และยังมีอีกหลายประเทศที่มีกฎหมายการุณยฆาตสัตว์จรจัดเพื่อไม่ให้สัตว์เหล่านั้นไปทำร้ายคนในประเทศ





ที่มา:

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

แดนน้องหมาจรจัด





                ปัญหาสุนัขจรจัดที่มีจำนวนมากนั้นเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานและภายในสังคมต่างๆ ก็ต่างหาวิธีเพื่อจำกัดปริมาณสุนัขให้น้อยลงและให้มันอยู่ร่วมกันไม่กระจัดกระจาย อย่างการนำไปไว้ที่เทศบาล บ้างก็รับเลี้ยงหมาจรจัดภายในบ้านของตัวเองเป็นจำนวนมาก บ้างก็นำไปไว้ในโรงเลี้ยงสุนัข

                แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีข่าวเกี่ยวกับการสร้างสถานสงเคราะห์สุนัขแบบใหม่ที่เมื่อดูแล้วสามารสร้างความเป็นอิสระให้กับสุนัขได้มากกว่าเทศบาลหรือพื้นที่บ้านเล็กเพราะสถานสงเคราะห์อันใหม่นี้สร้างโดยอยู่บนเขา มีความเป็นธรรมชาติสูง สถานสงเคราะห์นี้มีชื่อว่า Territorio de Zaguatesหรือแปลว่าดินแดนของเหล่าตูบจรจัด ตั้งอยู่ที่ประเทศคอสตาริก้า






เป็นสถานสงเคราะห์ที่ไม่หวังผลกำไร เปิดมานานกว่า 8 ปีแล้ว เพื่อแก้ปัญหาตูบจรจัดที่ถูกทอดทิ้งในภูมิภาคอเมริกากลาง โดยที่นี่เปรียบเสมือนบ้านของเจ้าตูบจรจัดสายพันธุ์ต่าง ๆ มากมายทั้งหมดกว่า 900 ชีวิต และมีความต่างจากที่อื่น ๆ คือจะไม่มีการการุณยฆาตสุนัขอย่างเด็ดขาด

 ทีมเจ้าหน้าที่เลี้ยงดูเจ้าตูบอย่างมีอิสรภาพ มีพื้นที่ที่ให้มันได้เล่นอย่างสนุกสนาน มีทุ่งหญ้าให้มันได้วิ่งออกกำลังกาย มีอาหารให้กินอิ่ม โดยจุดมุ่งหมายที่สำคัญของสถานสงเคราะห์แห่งนี้คือให้เจ้าตูบทั้งหลายได้มี ความสุขสุด ๆ จนกว่าจะมีครอบครัวใจดีมารับไปอุปถัมภ์เลี้ยงดู

สโลแกนของสถานสงเคราะห์สุนัขแห่งนี้คือ "เมื่อคุณรับเลี้ยงสุนัขไปเลี้ยง 1 ตัว ก็เท่ากับคุณได้พันธุ์สุนัขที่ไม่เหมือนใครไปด้วยเช่นกัน"






                ถึงแม้ว่าทุกประเทศอาจไม่สะดวกที่จะสามารถสร้างหรือหาพื้นที่ ในการที่จะสร้างดินแดงให้กับสุนัขแบบนี้ได้แต่ก็ต้องถือว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจและน่าลองที่จะทำดูเพื่อการดูแลสุนัขจรจัดไม่ให้กระจัดกระจายแล้วสร้างปัญหาแถมน้องหมาก็มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระด้วย







วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559

ควบคุมปริมาณสุนัขลดการเกิดปัญหาน้องหมาจรจัด





                สุนัขจรจัด คือ สุนัขที่ไม่มีเจ้าของดูแลโดยตรงหรือไม่ได้มีการกักกันไว้โดยผู้ดูแลแทนชั่วคราว พวกมันจึงเที่ยวเร่ร่อนในชุมชนและอาศัยอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างเสรี โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดสุนัขจรจัดสามารถแยกได้ดังนี้

                1. การขาดความรับผิดชอบของเจ้าของสัตว์

                2. การขาดความรับผิดชอบของผู้เพาะพันธุ์สัตว์

                3. การขาดความรับผิดชอบของผู้เพาะพันธุ์และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับพันธุ์สัตว์

                4. การขาดความรับผิดชอบของสัตวแพทย์

                5. การขาดความรับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ

                สุนัขเหล่านี้มีโอกาสสร้างปัญหาด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยได้มาก ซึ่งได้แก่เรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้

                1. การแพร่เชื้อโรคสู่คนและสัตว์อื่นๆ

                2. การบาดเจ็บและความหวาดกลัวอันเกิดจากพฤติกรรมก้าวร้าว

                3. การสร้างความรบกวนเนื่องจากเสียงและความสกปรก

                4. การบาดเจ็บล้มตายของปศุสัตว์ สัตว์ป่า หรือสัตว์อื่นๆ

                5. การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

                ด้วยเหตุนี้เอง หลายประเทศจึงมีข้อกำหนดตามกฎหมายให้องค์กรสาธารณะที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งโดยปกติจะเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ทำหน้าที่ควบคุมประชากรสุนัขจรจัด






                การมีสุนัขจรจัดวิ่งไปมาอยู่ในสถานที่ชุมชนจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้ เพราะนั่นหมายถึงความปลอดภัยของประชาชนโดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ความสะอาดสะอ้านของบ้านเมืองและสุขลักษณะ

                แต่ถึงแม้ว่าสุนัขเหล่านั้นจะไม่มีผู้ดูแลคอยหาอาหารและให้ที่อยู่อาศัย กระนั้นก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้สุนัขจรจัดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ทั้งเศษอาหารที่ชาวบ้านเหลือทิ้งและความเมตตาของผู้ใจบุญที่แบ่งปันอาหารให้ ในด้านที่อยู่อาศัย สุนัขสามารถอาศัยอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งยังร่อนเร่ไปตามแหล่งต่าง ๆ จนกว่าจะพบสถานที่พอใจของมัน

                โดยการจะควบคุมจำนวนและปัญหาสุนัขจรจัดนั้น จะต้องเกิดจากความร่วมมือกันของทั้ง ภาครัฐ สัตวแพทย์ และประชาชน

                ซึ่งองค์ประกอบสำคัญข้างต้นนี้คือ ประชานชน ผู้เลี้ยงสุนัข

                การจะแก้ปัญหานี้ได้จึงต้องควรให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสุนัขของตนเองและสาธารณะ






                สำหรับแนวทางการในการดูแลปัญหาสุนัขจรจัดนั้น มีดังนี้

                1. การทำหมันสุนัข ทั้งกับสุนัขที่มีเจ้าของและสุนัขจรจัด เพื่อควบคุมจำนวนสุนัขที่ไม่พึงปรารถนาในอนาคต

                2. การลงทะเบียนสุนัขเพื่อควบคุมสุนัขที่มีเจ้าของ

                3. การฉีดวัคซีนป้องกันโรค

                4. การรณรงค์ให้ความรู้กับประชนในเรื่องของปัญหาสุนัขจรจัดให้เกิดสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม

                ถึงแม้ว่าปัญหาสุนัขจรจัดจะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและเห็นผล 100% แต่สิ่งที่เราทุกคนพอจะทำได้ในตอนนี้ นั่นคือการไม่สร้างสุนัขจรจัดตัวใหม่ขึ้นมาจากสุนัขในความดูแลของเรา และไม่นิ่งดูดายต่อสภาพปัญหาสุนัขจรจัดตรงหน้า






วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

Disease Surveillance: โรคสัตว์ที่ติดคนโดยมีสุนัขเป็นพาหะ




                นอกจากปัญหาด้านอื่นๆ ที่เราพบได้จากสุนัขแล้วยังมีปัญหาอีกอย่างที่อาจเกิดขึ้นจากสัตว์ได้โดยที่เราอาจไม่ทันคาดคิดนั่นคือการติดเชื้อโรคต่างๆ จนอาจทำให้ป่วยหนักได้จากสุนัข

                ได้แก่

                1. พิษสุนัขบ้า สามารถติดเชื้อได้จากการถูกสุนัขที่ป่วยกัดโดยน้ำลายจะนำเชื้อเข้าสู่ร่างกาย หรืออาจติดเชื้อได้จากการที่สุนัขเลียตรงบริเวณที่มีบาดแผลซึ่งนั่นทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้

                ความเสี่ยงคิดโรคนี้ภายในมหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตเพชรบุรีนั้นถือว่าน้อยเพราะสุนัขนั้นไม่ค่อยมีความไม่ดุร้าย อาจมีบางตัวที่จะกัดก็ต่อเมื่อมีคนไปแหย่หรือทำร้ายเท่านั้น และดูไม่มีอาการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าแต่อย่างใด

                2. ปรสิต พยาธิไส้เดือน สามารถติดเชื้อได้จากการที่เราไปสัมผัสพื้นดินที่เคยมีสุนัขอุจาระไว้ ซึ่งไข่ของพยาธิในอุจาระสุนัขก็จะฝั่งตัวลงไปในดินซึ่งเมื่อเราไปสัมผัสและไม่ได้มีการทำความสะอาดมือก่อนสัมผัสร่างกายส่วนอื่นๆ ก็สามารถทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้

                ความเสี่ยงคิดโรคนี้ภายในมหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตเพชรบุรีมีโอกาสติดเชื้อได้หากเวลาที่ทำกิจกรรมแล้วนั่งติดกับพื้นดินและไม่มีการทำความสะอาดมือให้สะอาดก่อนบริโภคสิ่งของหรือสัมผัสร่างกายส่วนต่างๆ ที่ทำให้เข้าสู่ร่างกายภายในได้

                3. เลปโตสไปโรซิส สามารถติดเชื้อได้จากการไปสัมผัสกับปัสสาวะของสัตว์ หรือสิ่งของที่ปนเปื้อนกับปัสสาวะของสัตว์ที่ป่วย และเมื่อเราไม่รู้ตัวก็มีการนำมันเข้าสู่ร่างกายอาจจะทางปากหรือการจับบาดแผล เป็นต้น

                ความเสี่ยงคิดโรคนี้ภายในมหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตเพชรบุรี มีความเสี่ยงอยู่บ้างตรงที่เมื่อสุนัขนั้นปัสสาวะแล้วบางครั้งมีการไปอยู่ตรงที่คนมักใช้กันอย่างโต๊ะอาหารก็อาจทำให้มีการตกหล่นของเชื้อโรคบนโต๊ะและเมื่อเราไม่ทราบเราก็ไปนั่งแลสัมผัสกับโต๊ะก็อาจทำให้มีการติดเชื้อโรคได้จากทางนั้น

                4. ขี้กลาก สามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสผิวหนังโดยตรงจากสัตว์ที่เป็นโรค หรือสัมผัสสิ่งของของสุนัขที่ป่วยเป็นโรคอยู่ โดยโรคขี้กลากนั้นเป็นเชื้อราที่จะอยู่ตามผิวหนังภายนอกและสิ่งของที่สุนัขนั้นใช้

                ความเสี่ยงคิดโรคนี้ภายในมหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตเพชรบุรี มีความเสี่ยงอยู่บ้างเพราะตัวโรคอยู่ในรูปแบบของแบคทีเรียซึ่งบางทีอาการของสุนัขในช่วงแรกยังไม่ได้ออกแสดงความเป็นโรคอย่างชัดเจน หากเราไม่รู้ว่ามันป่วยเป็นโรคนี้แล้วไปเล่นหรือสัมผัสมันก็อาจทำให้ติดโรคได้

                5. โรคลาย์ม สามารถติเชื้อได้จาก เห็บของสุนัขที่มีเชื้อนั้นมากัด โดยจะมีลักษณะเป็นผื่นแบนราบ จากนั้นจะมีอาการตามมาอย่างเป็นไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัวและข้อ

                ความเสี่ยงคิดโรคนี้ภายในมหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตเพชรบุรี ถือว่ายังน้อยอยู่เพราะยังไม่มีการแพร่โรคนี้มากเท่าไหร่ในบ้านเรา แต่ก็มีปัญหาด้านอื่นๆ ในการติดเห็บหมัดจากสัตว์แทนจากโรคอื่นๆที่มากจากเห็บอย่างเออร์ลิเชีย ,บาบิเซีย , และเฮปปาโตซูน ปัญหาการถูกดูดเลือดจากตัวเห็บที่ไปติดมาจากสุนัข ซึ่งตรงนี้มีโอกาสที่จะอาจจะติดเห็บจากสุนัขได้เมื่อเราไปเล่นกับสุนัข





วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

พรบ.สัตว์กับความเป็นเจ้าของ: สุนัขในมหาวิทยาลัยถือเป็น “สัตว์เลี้ยง” ในความรับผิดชอบหรือไม่?







พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ พ.ศ.2557 มีผลใช้บังคับแล้ว

                พรบ. คุ้มครองสัตว์ หรือชื่อเต็มๆ พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถือว่ามีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา

                เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งแวดล้อม จึงควรได้รับการคุ้มครอง มิให้ถูกกระทำการทารุณกรรม และเจ้าของสัตว์
ซึ่งนำสัตว์มาเลี้ยง จะต้องจัดสวัสดิภาพให้เหมาะสมตามประเภทและชนิดของสัตว์ ทั้งในระหว่างการเลี้ยงดู การขนส่ง การนำสัตว์ไปใช้งาน หรือใช้ในการแสดง

                ดังนั้น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อให้สัตว์ได้รับการคุ้มครองตามธรรมชาติของสัตว์อย่างเหมาะสม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ 

                สำหรับพระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 มีเนื้อหาสาระสำคัญ ดังนี้




ช่องโหว่กฎหมาย ว่าด้วยความเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบ

                การให้ความหมายของคำต่างๆในมาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ เป็นดังนี้

                “การจัดสวัสดิภาพสัตว์หมายความว่า การเลี้ยงหรือการดูแลให้สัตว์มีความเป็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม มีสุขภาพอนามัยที่ดี มีที่อยู่ อาหาร และน้ำอย่างเพียงพอ

                “เจ้าของสัตว์หมายความว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ และให้หมายความรวมถึงผู้ครอบครองสัตว์ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแล ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ให้ดูแลด้วย

                ทว่าขอบข่ายของคำว่า “สัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ” ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนนักว่าขอบข่ายแบบไหนคือความเป็นเจ้าของบ้าง แค่มาอยู่อาศัยในพื้นที่ มีข้าวมีน้ำให้กินถือว่าเป็นเจ้าของแล้วหรือไม่?

                ซึ่งถ้าหมายรวมถึงเช่นนั้นหมายความว่าสุนัขที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณเขตของมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาคอยให้ข้าวให้น้ำ นับเป็น “สัตว์เลี้ยง” ที่นักศึกษา เจ้าหน้าที่และบุคลากรภายในมีหน้าที่ต้องดูแลรับผิดชอบสุนัขให้ได้รับสวัสดิการแบบสัตว์เลี้ยงตามข้อกฎหมายหรือไม่?

                โดยเฉพาะเมื่อสุนัขเหล่านั้นกัด ทำร้าย ทำอันตรายใดๆ ใครเข้าจนเป็นเหตุให้บาดเจ็บหรือมีทรัพย์สินเสียหาย มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องรับผิดชอบหรือไม่?






เลขาสภาทนายความชี้กฎหมายระบุไม่ชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญแย้งข้อบังคับใช้ไม่น่าเป็นปัญหา

                นายนิวัต แก้วล้วน เลขาธิการสภาทนายความ เผยว่า กฎหมายใช้คำว่า ผู้ใดครอบครองและเลี้ยงดูต้องดูว่าเลี้ยงดูเป็นประจำหรือไม่ ถ้าผ่านไปเป็นครั้งคราวแวะให้อาหารก็ยังพอที่จะปฏิเสธได้ แต่ถ้าก่อนไปทำงานเอาข้าวมาให้สุนัขตรงนี้กินทุกวัน ตอนเย็นก่อนกลับบ้านแวะเอามาให้กินมื้อเย็นอีก แบบนี้ก็จะเข้าหลักลักษณะเลี้ยงดู

                “กฎหมายใช้คำว่า ผู้ใดครอบครองมันก็ต้องไปตีประเด็นว่าขนาดไหนถือว่าเป็นการครอบครองสัตว์ ไม่ได้ใช้คำว่าเลี้ยงดูเป็นอาจิณ กฎหมายมันยังไม่ชัดเจน ผมเองก็ไม่กล้าฟันธง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าพื้นที่ตรงนี้มีใครมาให้อาหารเป็นประจำเลขาธิการสภาทนายความ กล่าว

                ขณะที่ เลขาธิการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย ให้ความเห็นกับเรื่องดังกล่าวว่า ผู้ที่ให้อาหารสุนัขจรจัดทั้งที่ไม่ใช่เจ้าของ ถือเป็นความมีเมตตา แต่อย่าไปทำให้ชุมชนเดือดร้อน เลอะเทอะ จะทำให้เกิดความขัดแย้งในชุมชนได้ เมื่อสุนัขไปทำร้ายคนอื่น ความผิดจะไม่ได้อยู่กับคนที่ให้อาหาร

                “หากการที่คนไปให้อาหารสัตว์และต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่สัตว์ได้กระทำกับคนอื่นๆ นั้น คนก็คงไม่กล้าให้อาหาร เพราะกลัวจะเป็นคนรับผิดชอบ สุนัขตามข้างถนนคงผอมแห้ง อดตาย ซึ่งคิดว่าประเทศไทยคงไม่มีทางจะปล่อยให้สัตว์เป็นแบบนั้นนายชัยชาญ เลาหศิริปัญญา เลขาธิการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าว














ที่มาข้อมูล:





อาชีวะขับเคลื่อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา





ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

               เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตและวีถีปฏิบัติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแก่พสกนิกรชาวไทยมานานกว่า  30  ปี  ที่พระองค์ทรงเน้นย้ำแนวทางการพัฒนา  บนหลักแนวคิดพึ่งตนเองเพื่อให้เกิดความพอมีพอกิน พอใช้ ของคนส่วนใหญ่  โดยใช้หลักความพอประมาณ  การคำนึงถึงการมีเหตุผล  การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว และทรงเตือนสติประชาชนคนไทยไม่ให้ประมาท   ตระหนักถึงการพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่ถูกต้องตามหลักวิชา  และการมีคุณธรรมเป็นกรอบในการปฏิบัติและการดำรงชีวิต

               เนื่องจากการอาชีวศึกษาเป็นการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นการปฏิบัติเพื่อสร้างทักษะอาชีพให้กับผู้เรียนการจัดการศึกษาจึงมุ่งเน้นที่การบูรณาการสู่การปฏิบัติเป็นจิตพิสัยในแต่ละรายวิชาที่มีการบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในส่วนของกิจกรรมเสริมหลักสูตรที่ต่อยอดจากการเรียนรู้ในชั้นเรียนและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนควรมุ่งเน้นการจัดการที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ

               1. พอประมาณกับศักยภาพของผู้เรียน พอประมาณกับภูมิสังคมของโรงเรียนและชุมชนที่ตั้งฝึกให้ผู้เรียนคิดเป็นทำเป็นอย่างมีเหตุผลและมีภูมิคุ้มกันในด้านต่าง ๆ โดยการดำเนินกิจการต้องนำไปสู่ความยั่งยืนของผล

               2. ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ความรู้ อย่างรอบคอบ ระมัดระวัง ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น  มีคุณธรรมมีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น อดทน มีความพากเพียร มีวินัย มีสัมมาคารวะรู้จักทำประโยชน์ให้กับสังคม ร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและสืบสานวัฒนธรรมไทย

                ส่วนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมุ่งเน้นผลที่เกิดขึ้นอย่างสมดุลและยั่งยืนมี4 มิติ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อมและด้านวัฒนธรรม



               สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดโครงการอบรมปฏิบัติการเตรียมความพร้อมพัฒนาสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสถานศึกษาพอเพียง เรียนรู้แนวทางการบริหารงาน และการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียง ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐ 343 แห่ง และเอกชน 22 แห่ง รวม 610 คน ณ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี






               ดร.ชาญเวช บุญประเดิม รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สถานศึกษาทุกแห่งที่ยังไม่ผ่านการประเมินเป็นสถานศึกษาพอเพียง ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงสู่สถานศึกษา ทบทวนเกณฑ์การประเมินสถานศึกษาพอเพียง และแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการบูรณาการหลักเศรษฐกิจพอเพียงกับการจัดการ เรียนการสอน โดยมีผู้บริหาร และครูแกนนำจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐ และเอกชนเข้าร่วมการอบรม

               ดร.ปรียานุช ธรรมปิยา ผู้อำนวยการศูนย์สถานศึกษาพอเพียง มูลนิธิยุวสถิรคุณ เป็นวิทยากรอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการขับเคลื่อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงสู่สถานศึกษา และแนวทางการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียง และทีมวิทยากรมาถ่ายทอดความรู้ในการนำเสนอแนวทางการบูรณาการการจัดการ อาชีวศึกษากับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการบริหารสถานศึกษาสู่การประเมินสถาน ศึกษาพอเพียง

               รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวต่อว่า กระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยมุ่งเน้นพัฒนาสถานศึกษาในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนมีคุณลักษณะ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งเน้นการดำเนินชีวิตด้วยความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และเรียนรู้ในการพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด โดยได้มีการประกาศนโยบายการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงภาคการศึกษา เพื่อให้องค์กรหลัก หน่วยงาน และสถานศึกษา ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ที่มา: http://www.vec.go.th