วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

พรบ.สัตว์กับความเป็นเจ้าของ: สุนัขในมหาวิทยาลัยถือเป็น “สัตว์เลี้ยง” ในความรับผิดชอบหรือไม่?







พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ พ.ศ.2557 มีผลใช้บังคับแล้ว

                พรบ. คุ้มครองสัตว์ หรือชื่อเต็มๆ พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถือว่ามีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา

                เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งแวดล้อม จึงควรได้รับการคุ้มครอง มิให้ถูกกระทำการทารุณกรรม และเจ้าของสัตว์
ซึ่งนำสัตว์มาเลี้ยง จะต้องจัดสวัสดิภาพให้เหมาะสมตามประเภทและชนิดของสัตว์ ทั้งในระหว่างการเลี้ยงดู การขนส่ง การนำสัตว์ไปใช้งาน หรือใช้ในการแสดง

                ดังนั้น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อให้สัตว์ได้รับการคุ้มครองตามธรรมชาติของสัตว์อย่างเหมาะสม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ 

                สำหรับพระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 มีเนื้อหาสาระสำคัญ ดังนี้




ช่องโหว่กฎหมาย ว่าด้วยความเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบ

                การให้ความหมายของคำต่างๆในมาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ เป็นดังนี้

                “การจัดสวัสดิภาพสัตว์หมายความว่า การเลี้ยงหรือการดูแลให้สัตว์มีความเป็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม มีสุขภาพอนามัยที่ดี มีที่อยู่ อาหาร และน้ำอย่างเพียงพอ

                “เจ้าของสัตว์หมายความว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ และให้หมายความรวมถึงผู้ครอบครองสัตว์ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแล ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ให้ดูแลด้วย

                ทว่าขอบข่ายของคำว่า “สัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ” ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนนักว่าขอบข่ายแบบไหนคือความเป็นเจ้าของบ้าง แค่มาอยู่อาศัยในพื้นที่ มีข้าวมีน้ำให้กินถือว่าเป็นเจ้าของแล้วหรือไม่?

                ซึ่งถ้าหมายรวมถึงเช่นนั้นหมายความว่าสุนัขที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณเขตของมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาคอยให้ข้าวให้น้ำ นับเป็น “สัตว์เลี้ยง” ที่นักศึกษา เจ้าหน้าที่และบุคลากรภายในมีหน้าที่ต้องดูแลรับผิดชอบสุนัขให้ได้รับสวัสดิการแบบสัตว์เลี้ยงตามข้อกฎหมายหรือไม่?

                โดยเฉพาะเมื่อสุนัขเหล่านั้นกัด ทำร้าย ทำอันตรายใดๆ ใครเข้าจนเป็นเหตุให้บาดเจ็บหรือมีทรัพย์สินเสียหาย มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องรับผิดชอบหรือไม่?






เลขาสภาทนายความชี้กฎหมายระบุไม่ชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญแย้งข้อบังคับใช้ไม่น่าเป็นปัญหา

                นายนิวัต แก้วล้วน เลขาธิการสภาทนายความ เผยว่า กฎหมายใช้คำว่า ผู้ใดครอบครองและเลี้ยงดูต้องดูว่าเลี้ยงดูเป็นประจำหรือไม่ ถ้าผ่านไปเป็นครั้งคราวแวะให้อาหารก็ยังพอที่จะปฏิเสธได้ แต่ถ้าก่อนไปทำงานเอาข้าวมาให้สุนัขตรงนี้กินทุกวัน ตอนเย็นก่อนกลับบ้านแวะเอามาให้กินมื้อเย็นอีก แบบนี้ก็จะเข้าหลักลักษณะเลี้ยงดู

                “กฎหมายใช้คำว่า ผู้ใดครอบครองมันก็ต้องไปตีประเด็นว่าขนาดไหนถือว่าเป็นการครอบครองสัตว์ ไม่ได้ใช้คำว่าเลี้ยงดูเป็นอาจิณ กฎหมายมันยังไม่ชัดเจน ผมเองก็ไม่กล้าฟันธง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าพื้นที่ตรงนี้มีใครมาให้อาหารเป็นประจำเลขาธิการสภาทนายความ กล่าว

                ขณะที่ เลขาธิการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย ให้ความเห็นกับเรื่องดังกล่าวว่า ผู้ที่ให้อาหารสุนัขจรจัดทั้งที่ไม่ใช่เจ้าของ ถือเป็นความมีเมตตา แต่อย่าไปทำให้ชุมชนเดือดร้อน เลอะเทอะ จะทำให้เกิดความขัดแย้งในชุมชนได้ เมื่อสุนัขไปทำร้ายคนอื่น ความผิดจะไม่ได้อยู่กับคนที่ให้อาหาร

                “หากการที่คนไปให้อาหารสัตว์และต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่สัตว์ได้กระทำกับคนอื่นๆ นั้น คนก็คงไม่กล้าให้อาหาร เพราะกลัวจะเป็นคนรับผิดชอบ สุนัขตามข้างถนนคงผอมแห้ง อดตาย ซึ่งคิดว่าประเทศไทยคงไม่มีทางจะปล่อยให้สัตว์เป็นแบบนั้นนายชัยชาญ เลาหศิริปัญญา เลขาธิการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าว














ที่มาข้อมูล:





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น