วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เดินหน้าเต็มกำลัง: สร้างโอกาสพัฒนาฝีมืออาชีวะ







                ข่าวการศึกษา-อาชีวศึกษายังคงเป็นที่น่าติดตามในรอบสัปดาห์นี้ เพราะมีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัดจากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 ลงนามในคำสั่งคสช.ที่ 8/2559 รวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนทั่วประเทศมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) โดยมีผลไปเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

                นับว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะทำให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารจัดการสถานศึกษาอาชีวะภาคเอกชนเกิดความต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงศึกษาธิการในการรวมการบริหารจัดการสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น






ชัยพฤกษ์ยัน อาชีวะเอกชนบริหารงานอิสระ เร่งถ่ายโอน งบ-งาน ตั้ง อาชีวศึกษาจังหวัดดูแล สอศ.นัดถกผู้บริหารอาชีวะทั่วปท. 19 ก.พ.

                ความคืบหน้าล่าสุด นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า จากการหารือกับผู้แทนจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาคเอกชน อาชีวศึกษาภาครัฐและผู้แทนจากสพฐ. เกี่ยวกับการบริหารจัดการ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะคสช. ที่ให้รวมอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชนนั้นตนเองบอกที่ประชุมไปว่า เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว เพราะจะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกัน พัฒนาไปด้วยกัน ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการศธ. ทั้งการสร้างแรงจูงใจ การปรับภาพลักษณ์ผู้เรียน การเดินหน้าสร้างวิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉพาะทาง และการพัฒนาอาชีวศึกษาสู่สากล

               โดยสถาบันอาชีวะเอกชน จะยังมีความอิสระในการบริหารจัดการ ภายใต้พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนเช่นเดิม ขณะที่สอศ.จะทำหน้าที่เหมือนที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)เคยทำ คือส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของอาชีวะเอกชน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องการใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งงบประมาณและบุคลากร


                นายชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเป้าหมายในการเพิ่มยอดผู้เรียนสายอาชีวะกับสายสามัญ เป็น 48:52 นั้น จะมีการหารือถึงแนวทางดำเนินการวันที่ 19 กุมภาพันธ์ โดยสอศ.จะมอบหมายให้แต่ละจังหวัดดูแลในเรื่องการรับนักเรียน นักศึกษาภายในจังหวัดให้เหมาะสมต่อไป

ที่มา: “ชัยพฤกษ์”ยัน “อาชีวะเอกชน” บริหารงานอิสระ


                จากข่าวในรอบสัปดาห์ มีสถานศึกษาอาชีวศึกษาหลายแห่งได้ออกมาแสดงความคิดเห็น มีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยและรอดูความคืบหน้าต่อไป เพราะการปรับเปลี่ยนอย่างกะทันหันนี้ส่งผลกระทบต่อตัวนักเรียน นักศึกษาโดยตรง หากทางภาครัฐสามารถทำออกมาได้ดี ตัวเด็กเองก็จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด







อาชีวะเอกชนเชียงใหม่เห็นด้วย ย้ายสังกัดตามม.44 ชี้เป็นผลดี ไม่กระทบ-ได้ใช้หลักสูตรเดียวกัน

                วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 นายไพบูลย์ วงศ์ยิ้มย่อง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการอาชีวศึกษา จ.เชียงใหม่ เผยว่าเห็นด้วยและเป็นผลดีต่ออาชีวศึกษาเอกชน ที่เปิดสอนระดับปวช.และปวส. เนื่องจากใช้หลักสูตรเดียวกัน ไม่มีผลกระทบต่อการเรียนการสอน ส่วนการบริหารจัดการอาชีวะเอกชนยังเป็นเอกเทศ เพียงแต่มาอยู่ในการกำกับดูแลของสอศ.เท่านั้น ไม่มีปัญหาอะไร

                “เชียงใหม่ มีอาชีวศึกษาของรัฐ 8 แห่ง เอกชน อีก 14 แห่ง รวมเป็น 22 แห่ง มีนักศึกษากว่า 30,000 คน ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนในเชียงใหม่ ได้ประชุมหารือกันมากว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งผู้บริหารอาชีวศึกษาเอกชนพอใจที่ย้ายมาอยู่ในกำกับดูแล สอศ. แทน ทำให้แผนพัฒนาการศึกษาอยู่ในทิศทางเดียวกัน และมาตรฐานการศึกษาเท่าเทียมกัน ผลิตนักศึกษาเพื่อสนองตอบความต้องการแรงงาน เป็นที่ยอมรับของสังคมนายไพบูลย์กล่าว





เอกชนเมืองคอนเตือนใช้ ม.44 ยุบ อาชีวะเร็วเกินระวังล้ม ถามรัฐแน่ใจพร้อมแล้ว

                ดร.ณัฐวุฒิ ภารพบ นายกสมาคมส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เปิดเผยถึงการใช้ ม.44 ยุบ อาชีวะเอกชนขึ้นตรงกับกระทรวงศึกษาธิการว่า เรื่องนี้มีการพูดมานานแล้ว ทางสมาคมฯทุกพื้นที่ก็ทราบเรื่องและมีการเตรียมความพร้อมมานานพอสมควร การที่ให้อาชีวศึกษาเอกชนเข้าไปอยู่การดูแลของอาชีวศึกษาของรัฐจะมีข้อดีมากกว่า เนื่องจากจะได้ปฎิบัติตามนโยบายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งงานด้านวิชาการก็จะเพิ่มคุณภาพมากขึ้น นักเรียน นักศึกษาก็จะได้รับ   อานิสงโดยตรงและมีความทัดเทียมกัน

                “ สิ่งที่ห่วงในเวลานี้ก็คือตัวรัฐเองพร้อมรับตามหรือไม่ และหากยังไม่พร้อมรับก็จะเกิดปัญหาตามมา เพราะความไม่พร้อมทั้งผู้รับและผู้ส่งยิ่งจะทำให้เกิดความไม่รู้ ดังนั้นการโอนในวันนี้อย่างรวดเร็วทุกภาคส่วนทันรับหรือไม่

                ส่วนดร.สุวิทยา บริบูรณ์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสถาปัตย์นครศรีธรรมราช กล่าวว่าตนยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่า เป็นอย่างไร จะตอบว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตอบไม่ได้ เพราะอะไรที่มาเร็วก็ไปเร็ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี ต้องดูว่าเป็นไปตามความต้องการเดิมของพวกเราหรือไม่ ไม่ใช่เป็นเพียงว่าโอนอาชีวะเอกชนไปขึ้นกับอาชีวะของรัฐ เป็นเพียงโครงสร้างเท่านั้น แต่รายละเอียดย่อยก็ยังไม่มีความพร้อมก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้อีก


                การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อาจจะค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างและต้องใช้ระยะเวลาในการรอดูผลลัพธ์ที่จะตามมา 


                แม้อาจจะมีหลายจุดที่ยังต้องหารือและร่วมปรึกษากับอีกหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะความพร้อมของสอศ.ในการเปลี่ยนผ่าน งบประมาณ ไปจนถึงการบริหารจัดการอื่นๆ แต่การรวมอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชนเข้าด้วยกัน ก็เป็นอีกหนึ่งการพัฒนาเพื่อผลิตกำลังแรงงานที่มีทักษะฝีมือตอบสนองความต้องการของประเทศและขับเคลื่อนหัวใจอุตสาหกรรมหลักของประเทศได้อย่างดี ช่วยก่อให้เกิดความร่วมมือในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนทรัพยากรหรือองค์ความรู้ระหว่างกันได้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา อีกทั้งปัญหาการทะเลาะวิวาทในช่วงนี้ลดลงค่อนข้างมาก ถือเป็นการปรับมุมมองและภาพลักษณ์เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่นๆ ต่อไป




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น